วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

น้ำโอเลี้ยง

น้ำโอเลี้ยง มีประโยชน์อย่างไร





โอเลี้ยง

คนไทยโดยมากจะถือว่า “โอเลี้ยง” คือ "กาแฟดำเย็น" แต่ที่จริงแล้ว ส่วนผสมของ "โอเลี้ยง" จะใกล้กับ "น้ำเชื่อม" มากกว่า "กาแฟ" โอเลี้ยงทั่วไปที่ขายตามท้องตลาด ประกอบไปด้วยน้ำเชื่อมถึง 40-50% ในขณะที่มีกาแฟเพียงไม่ถึง 25% ซ้ำร้าย บางครั้งผู้ขายอาจใช้ส่วนผสมอื่นเช่นถั่วหรืองาคั่วแทนกาแฟ

หลายต่อหลายคนต่างก็เคยดื่มเครื่องดื่มที่ชื่อว่า “โอเลี้ยง” แล้วเมื่อดื่มเสร็จทุกคนมักจะเกิดควาสงสัยว่าจริงๆๆแล้ว โอเลี้ยงนั้นทำจากอะไรกันแน่ ?

โอเลี้ยง : เป็นคำที่มาจากภาษาจีนแต้จิ๋ว
“โอ” แปลว่า ดำ “เลี้ยง” แปลว่า เย็น รวมแล้วหมายถึง สิ่งที่มีสีดำและเย็น ก็คือ กาแฟดำเย็น

โอเลี้ยง

โอ เลี้ยง ทำมาจากผงกาแฟ ที่ใช้ชงกาแฟโบราณ ซึ่งถ้าไปดูส่วนประกอบกันจริงๆ แล้ว ได้จากการ นำ เมล็ดกาแฟบด และส่วนผสมอย่างอื่นด้วย ไม่ใช่เมล็ดกาแฟเพียงอย่างเดียว เช่น เมล็ดข้าวโพด เมล็ดมะขาวที่คั่วแล้ว เป็นต้น ถ้าใส่น้ำแข็งก็เป็นโอเลี้ยง ไม่ใส่น้ำแข็งก็เป็นโอวยั๊วะ ( อันนี้กระผมก็เพิ่งรู้ว่ามันต่างกันตรงนี้เอง คนอื่นอาจรู้แล้ว

ส่วน กาแฟดำที่ส่วนใหญ่นิยมดื่มกัน มาจากการนำ กาแฟผง หรือ กาแฟสำเร็จรูปแบบเกล็ด (instant coffee) มาละลายด้วยน้ำร้อน หรือ เรียกว่าชง โดยจะเติมน้ำตาลหรือไม่ก็ได้




20ข้อประโยชน์ของกาแฟ

ประโยชน์ของกาแฟ

กาแฟ คำนี้มีความหมายสำหรับหลายๆชีวิต ที่อาจจะขาดไม่ได้ เป็นเครื่องดื่มคู่กายไปตลอดชีวิต นับวันกาแฟจะเป็นที่นิยมของคนทั้งโลก กาแฟเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ ตำนานกาแฟมีมาอย่างยาวนาน นับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ตำนานแห่งการดื่มกาแฟก็ได้เปลี่ยนไปตามยุคตามสมัยนิยม และนับวันกาแฟจะเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตของมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ กาแฟได้กลายเป็นอาหารว่างแทนการับประทานอาหารในแต่ละมื้อ  ในบางรายที่ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ อาจจะดื่มกาแฟทุกๆ 2 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นอาหารประเภทหนึ่งของเขาไป ขาดไม่ได้ บางรายอดข้าวหลายๆมื้อได้ แต่ขาดกาแฟเพียงมื้อเดียวไม่ได้   บางคนใช้กาแฟช่วยคลายง่วง หรือฟื้นความเฉื่อยชาของร่างกายและสมองให้ทำงานได้อย่างกระฉับกระเฉง กาแฟเป็นเสมือนสมุนไพรที่ให้ประโยชน์สูงต่อมนุษย์  ต่อก็อย่างว่ากาแฟอาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด จึงควรหลีกเลี่ยงหรือดื่มให้ปริมาณน้อยลง
จะขอกล่าวถึงประโยชน์จากการดื่มกาแฟทั่วๆไป

กาแฟประโยชน์ที่มี 20ข้อดังนี้
1.    ลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจในผู้หญิง 25%
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยของสเปนพบว่า ผู้หญิงที่ดื่มกาแฟ 2 – 3 แก้วต่อวันมีอัตราเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มและผู้ชาย 25%
2.    ลดอัตราเสี่ยงของการเป็นเบาหวาน 60%
กาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระ และยังมีสารประกอบที่เรียกว่า ควินิน (Quinines) ที่ช่วยให้ร่างกายสามารถผลิตอินซูลินได้ดีขึ้น
3.    ลดอัตราการเกิดภาวะความจำเสื่อม 65%
จากการวิจัยพบว่ากาแฟมีส่วนช่วยในการชะลอภาวะความจำเสื่อมโดยไปหยุดยั้งหรือ ต้านการจับตัวของคอเรสเตอรอล (Cholesterol) ที่เป็นผลเสียต่อร่างกาย
4.    ลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งในลำไส้ใหญ่ 50%
จากการศึกษาถึง 12 ปีกับผู้หญิงในญี่ปุ่นพบว่าคนที่ดื่มกาแฟ 3 แก้วหรือมากกว่าต่อวันมีแนวโน้มในการลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งในลำ ไส้ใหญ่
5.    ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
จากการศึกษากับผู้ชายจำนวน 50,000 คนเป็นเวลา 20 ปีพบว่าคนที่ดื่มกาแฟ 6 แก้วต่อวันจะมีอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยกว่าคนที่ไม่ ได้ดื่ม
6.    ลดความเสี่ยงของการเป็นอัลไซเมอร์ (Alzheimer) 65%
จากการศึกษากับคนวัยกลางคนในประเทศฟินแลนด์จำนวน 1,400 พบว่าคนที่ดื่มกาแฟ 5 ถ้วยต่อวันสามารถลดอัตราเสี่ยงของการเป็นอัลไซเมอร์ 65%
7.    ลดความเสี่ยงของการเป็นตับแข็ง 80%
จากการศึกษากับผู้ดื่มกาแฟจำนวน 125,000 คนพบว่าการดื่มกาแฟ 1 แก้วต่อวันทำให้ความเสี่ยงต่อการเป็นตับแข็งลดลง 20% ถ้าดื่ม 4 แก้วต่อวันจะลดอัตราเสี่ยงได้ 80%
8.    ลดความเสี่ยงของการเป็นนิ่วในถุงน้ำดี 50%
ผู้ชายที่ดื่มกาแฟอย่างน้อย 2 แก้วต่อวันมีแนวโน้มในการลดอัตราเสี่ยงของการเป็นนิ่วในถุงน้ำดี 40%, 25% สำหรับผู้หญิงที่ดื่มกาแฟในปริมาณที่เท่ากัน และ 45% สำหรับคนที่ดื่มมากกว่า 4 แก้วต่อวัน
9.    ลดความเสี่ยงของการเกิดการอุดตันในเส้นเลือดในผู้หญิง 43%
จากการศึกษากับนางพยาบาลจำนวน 83,000 คนที่ไม่เคยสูบบุหรี่และดื่มกาแฟ 4 แก้วต่อวันสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดการอุดตันในเส้นเลือด 43%
10.     ลดความเสี่ยงของการเกิดอาการสั่นของอวัยวะจากระบบปราสาท
11.     ลดอัตราเสี่ยงในการฆ่าตัวตายของผู้หญิง 60%
จากการศึกษาเป็นเวลา 10 ปีกับผู้หญิงจำนวน 86,000 คนพบว่าผู้หญิงที่ดื่มกาแฟ 2 แก้วต่อวันสามารถลดอัตราเสี่ยงในการฆ่าตัวตายของ 60%
12.     กาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยซ่อมแซมเซลต่างๆในร่างกายที่ถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ
13.     กาแฟช่วยให้เรารู้สึกไม่ง่วงและตื่นตัว
14.     กาแฟช่วยลดความรู้สึกหนาวได้เนื่องจากคาเฟอีน (caffeine)
15.     ลดการเกิดโรคหืด
16.     ลดอาการปวดหัว บ่อยครั้งที่คาเฟอีน (caffeine) ถูกใช้เป็นยาแก้ปวดหัวโดยเฉพาะอาการปวดหัวจากไมเกรน (migraine)
17.     บรรเทาอาการปวด การดื่มกาแฟ 2 แก้วอาจช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อหลังจากการออกกำลังกายได้ประมาณ 58% ยาแก้ปวดหลายประเภทมีการผสมคาเฟอีน (caffeine) 65 mg เช่น aspirin, ibuprofen, acetaminophen และคาเฟอีน (caffeine) สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ 40%
18.     ช่วยทำให้อารมณ์แจ่มใสขึ้น คาเฟอีน (caffeine) ที่ดื่มเข้าไปจะช่วยคลายความเครียดและทำให้อารมณ์แจ่มใสขึ้น
19.     ช่วยให้ความสามารถทางการกีฬาสูงขึ้น เพราะคาเฟอีน (caffeine) มีฤทธิ์ช่วยเพิ่มความทนทานและประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อ
20.     ป้องกันฟันผุ สารประกอบที่มีชื่อว่า Trigonelline ซึ่งเป็นสารที่ทำให้กาแฟมีกลิ่นหอมและรสขม มีประสิทธิภาพช่วยป้องกันแบคทีเรีย และการก่อตัวของแบคทีเรีย โดยเหตุผลนี้กาแฟจึงช่วยป้องกันฟันผุได้
coffeebenefit-thumbถึง แม้ว่ากาแฟจะมีสารที่มีประโยชน์มากมายแต่สารประกอบบางอย่างที่อยู่ในกาแฟอาจ ส่งผลกับแต่ละคนต่างกัน ดังนั้นถ้าเกิดเรามีปัญหาท้องเสียกับการดื่มกาแฟ หรืออาการอื่นๆ ก็สามารถดื่มชาแทนได้


จำหน่ายน้ำเก๊กฮวย
ขายส่งน้ำสมุนไพร, น้ำเก๊กฮวย, น้ำมะตูม, น้ำกระเจี๊ยบ, น้ำอัญชัน, น้ำลำใย, น้ำตะไคร้, น้ำโอเลี้ยง, น้ำใบเตย ติดต่อ นิว 097-158-8284



น้ำใบเตย

น้ำใบเตย มีประโยชน์อย่างไร



ต้นเตยหอม จัดเป็นไม้ยืนต้นพุ่มเล็ก ขึ้นเป็นกอ มีใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับเวียนเป็นเกลียวจนถึงยอดใบ ลักษณะของเป็นทางยาว สีเขียวเป็นมัน ใบค่อนข้างแข็งมีขอบใบเรียบ ซึ่งเราสามารถนำใบเตยมาใช้ได้ทั้งใบสดและใบแห้ง ในใบเตยจะมีกลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหย (Fragrant Screw Pine) โดยกลิ่นหอมของใบเตยนั้นมากจากสารเคมีที่ชื่อว่า 2-acetyl-1-pyrroline ซึ่งเป็นกลิ่นเดียวกันกับที่ได้ใน ข้าวหอมมะลิ ขนมปังขาว และดอกชมนาด

นอกจากนี้ใบเตยยังประกอบด้วยวิตามินและแร่ธาตุสำคัญอีกหลายชนิด โดยใบเตยหอม 100 กรัมนั้นจะมีเบต้าแคโรทีน 3 ไมโครกรัม, วิตามินซี 8 มิลลิกรัม, วิตามินบี2 0.2 มิลลิกรัม, วิตามินบี3 1.2 มิลลิกรัม, ธาตุแคลเซียม 124 มิลลิกรัม, ธาตุเหล็ก 0.1 มิลลิกรัม, ธาตุฟอสฟอรัส 27 มิลลิกรัม นอกจากนี้ยังมีคาร์โบไฮเดรต 4.6 กรัม, โปรตีน 1.9 กรัม และให้พลังงานถึง 35 กิโลแคลอรี่ !

ใบเตยเป็นพืชที่คนไทยทุกคนต่างก็รู้จักกันดี เนื่องจากมีการนำมาใช้กันอย่างหลากหลายตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำมาปรุงแต่งอาหารอย่างขนมไทยให้มีกลิ่นหอม อร่อย และยังให้สีสันน่ารับประทานอีกด้วย


ประโยชน์ของใบเตย
- ใบเตยใบเตยหอม สรรพคุณช่วยบำรุงหัวใจให้ชุ่มชื่น และช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจ (น้ำใบเตย)
- การดื่มน้ำใบเตยจะช่วยดับกระหายคลายร้อนได้เป็นอย่างดี เพราะใบเตยมีกลิ่นหอมเย็นทานแล้วจึงรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย
- รสหวานเย็นของใบเตย ช่วยชูกำลังได้
- การดื่มน้ำใบเตยช่วยแก้อาการอ่อนเพลียของร่างกายได้
- ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย
- ผู้ที่มีธาตุเจ้าเรือนเป็นธาตุไฟนั้นการรับประทานอาหารที่ปรุงจากใบเตยจะช่วยทำให้รู้สึกเย็นสบายสดชื่นได้
- ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งตามตำรับยาไทยได้มีการนำใบเตยหอม 32 ใบ, ใบของต้นสัก 9 ใบ นำมาหั่นตากแดด แล้วนำมาชงเป็นชาดื่มอย่างน้อย 1 เดือน หรือจะใช้รากประมาณ 1 กำมือนำมาต้มกับน้ำดื่มเช้าเย็นก็ได้เหมือนกัน (ใบ,ราก)
- ช่วยลดความดันโลหิต (สารสกัดน้ำจากใบเตย)
- ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด
- ใบเตย สรรพคุณช่วยบรรเทาอาการอาการและดับพิษไข้ได้
- ใบเตยช่วยดับพิษร้อนภายในได้เป็นอย่างดี
- ประโยชน์ของใบเตยใช้รักษาโรคหืด (ใบ)
- สรรพคุณใบเตยใช้เป็นยาแก้กระษัย (ต้น,ราก)
- ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ด้วยการใช้ต้น 1 ต้นหรือจะใช้รากครึ่งกำมือก็ได้ นำมาต้มกับน้ำดื่ม (ราก,ต้น)
- สรรพคุณของใบเตยใช้รักษาโรคหัดได้
- ใบเตยสดนำมาตำใช้พอกรักษาโรคผิวหนังได้
- ประโยชน์ใบเตย มีการนำใบเตยมาใช้แต่งกลิ่นอาหารอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นของหวานต่าง ๆ อย่าง ขนมลอดช่อง ขนมชั้น รวมไปถึงเค้กและสลัด เป็นต้น
- มีการนำใบเตยมาทุบพอแตก นำไปใส่ก้นลังถึงสำหรับนึ่งขนม จะทำให้ขนมที่สุกแล้วมีกลิ่นหอมน่ารับประทานมาก
- ใช้ใบเตยลองก้นหวดสำหรับนึ่งข้าวเหนียว เมื่อข้าวสุกแล้วจะทำให้มีกลิ่นหอมมาก
- สีเขียวของใบเตยเป็นสีของ คลอโรฟิลล์ สามารถนำมาใช้แต่งสีขนมได้
- ใช้ใบเตยสดใส่ลงไปในน้ำมันที่ใช้แล้ว แล้วตั้งไฟให้ร้อนแล้วค่อยตักใบเตยขึ้น จะทำให้น้ำมันไม่มีกลิ่นเหม็นหืน ทำให้น้ำมันที่ใช้ทอดมีกลิ่นเหมือนน้ำมันใหม่ใบสามารถใช้ไล่แมลงสาบได้
- ประโยชน์ของใบเตยกับการนำมาใช้ทำเป็นทรีทเม้นท์สูตรบำรุงผิวหน้า ด้วยการใช้ใบเตยล้างสะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำมาปั่นรวมกับน้ำสะอาดจนละเอียด จะได้ครีมข้นเหนียวแล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที


จำหน่ายน้ำเก๊กฮวย
ขายส่งน้ำสมุนไพร, น้ำเก๊กฮวย, น้ำมะตูม, น้ำกระเจี๊ยบ, น้ำอัญชัน, น้ำลำใย, น้ำตะไคร้, น้ำโอเลี้ยง, น้ำใบเตย ติดต่อ คุณนิว 097-158-8284


น้ำตะไคร้


น้ำตะไคร้ มีประโยชน์อย่างไร



ตะไคร้จัด จัดเป็นพืชล้มลุกตระกูลหญ้า ใบมีลักษณะเรียวยาว ปลายใบมีขนหนาม เป็นสมุนไพรไทยชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาประกอบอาหาร โดยตะไคร้แบ่งออกเป็น 6 ชนิด ซึ่งได้แก่ ตะไคร้หอม ตะไคร้กอ ตะไคร้ต้น ตะไคร้น้ำ ตะไคร้หางนาค และตะไคร้หางสิงห์ ซึ่งเป็นสมุนไพรไทยที่นิยมปลูกทั่วไปในบ้านเรา โดยมีถื่นกำเนิดใน ประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย พม่า ศรีลังกา และไทย


ตะไคร้เป็นทั้งยารักษาโรคและยังมีทั้งวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย เช่น วิตามินเอ ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส  ธาตุเหล็ก ฯลฯ





สรรพคุณของตะไคร้
- มีส่วนช่วยในการขับเหงื่อ
- เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้เจริญ (ต้นตะไคร้)
- มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงธาตุ ช่วยในการเจริญอาหาร
- ช่วยแก้อาการเบื่ออาหาร (ต้น)
- สารสกัดจากตะไคร้มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคเมะเร็งลำไส้ใหญ่
- แก้และบรรเทาอาการหวัด อาการไอ
- ช่วยรักษาอาการไข้ (ใบสด)
- ใช้เป็นยาแก้ไข้เหนือ (ราก)
- น้ำมันหอมระเหยของใบตะไคร้ สามารถบรรเทาอาการปวดได้
- ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ
- ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง (ใบสด)
- ใช้เป็นยาแก้อาเจียน หากนำไปใช้ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ (หัวตะไคร้)
- ช่่วยแก้อาการกษัยเส้นและแก้ลมใบ (หัวตะไคร้)
- รักษาโรคหอบหืด ด้วยการใช้ต้นตะไคร้
- ช่วยแก้อาการเสียดแน่นแสบบริเวณหน้าอก (ราก)
- ใช้เป็นยาแก้อาการปวดท้องและอาการท้องเสีย (ราก)
- ช่วยแก้และบรรเทาอาการปวดท้อง
- ช่วยรักษาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ (หัวตะไคร้)
- ช่วยในการขับน้ำดีมาช่วยในการย่อยอาหาร
- น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ มีส่วนช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ได้
- มีฤทธิ์ช่วยในการขับปัสสาวะ
- ช่วยแก้อาการปัสสาวะพิการ และรักษาโรคนิ่ว (หัวตะไคร้)
- ช่วยแก้อาการขัดเบา (หัวตะไคร้)
- ใช้เป็นยาแก้ขับลม (ต้น)
- ช่วยรักษาอหิวาตกโรค
- ช่วยแก้ลมอัมพาต (หัวตะไคร้)
- ใช้เป็นยารักษาเกลื้อน (หัวตะไคร้)
- น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ สามารถช่วยต่อต้านเชื้อราบนผิวหนังได้เป็นอย่างดี

- ช่วยแก้โรคหนองใน หากนำไปผสมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ



น้ำลำใย

น้ำลำใย มีประโยชน์อย่างไร



ลําไย ชื่อวิทยาศาสร์ Dimocarpus longan Lour. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Euphoria longan (Lour.) Steud.) จัดอยู่ในวงศ์เงาะ (SAPINDACEAE)

ผลไม้เพื่อสุขภาพชนิดนี้เป็นที่นิยมรับประทานอย่างมากในบ้านเรา โดย จังหวัดที่ปลูกมากที่สุดคือจังหวัดลำพูน สำหรับประเทศที่ปลูกมากที่สุดเห็นจะเป็นประเทศจีนที่มีการปลูกลำไยมาถึง 26 สานพันธุ์ แต่ที่นิยมปลูกในบ้านเราจะแบ่งออกเป็น 5 พวก ชนิดแรกคือ ลำไยกะโหลก ซึ่งเป็น พันธ์ที่มีผลใหญ่เนื้อหวานอร่อยซึ่งก็จะแบ่งแยกย่อยไปอีกหลายสายพันธุ์ เช่น สีชมพู อีดอ อีแดง อีดำ เป็นต้น ส่วนจำพวกที่ 2-5 ก็คือ ลำไยกระดูก ลำไยสายน้ำผึ้ง ลำไยเถา ลำไยขาว และลำไยธรรมดา

ลำไยประกอบด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุโซเดียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุทองแดง ธาตุเหล็ก วิตามินซี วิตามินบี12 เป็นต้น ส่วนในด้านสรรพคุณลำไยใช้เป็นยารักษาโรคก็จะได้แก่เป็นยาแก้ท้องร่วง รักษาโรคมาลาเรีย บรรเทาอาการริดสีดวงทวาร เป็นต้น


สรรพคุณของลำไย
- ลำไย ใช้รับประทานสดเป็นผลไม้ในยามว่าง อร่อยมาก ๆ
- น้ำลำไยช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย
- ใช้ทำเป็นอาหารก็ได้ เช่น ข้าวเหนียวเปียกลำไย ลำไยลอยแก้ว วุ้นลำไย เป็นต้น
- ลําไยเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูงมาก เนื่องจากมีน้ำตาลหรือคาร์โบไฮเดรตในปริมาณมาก
- ลําไยมีวิตามินซี ที่มีส่วนช่วยการบำรุงผิว และเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
- ลำไยมีวิตามินบี12 ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงประสาทและสมอง
- ลำไยมีธาตุแคลเซียมสูง มีส่วนช่วยในเรื่องของกระดูกและฟันให้แข็งแรง
- ลำไยมีธาตุฟอสฟอรัส ที่มีส่วนช่วยบรรเทาอาการปวดจากข้ออักเสบได้
- ลำไยมีธาตุโซเดียม ช่วยให้เส้นประสาทและกล้ามเนื้อทำงานได้อย่างเป็นปกติ
- ลำไยมีธาตุโพแทสเซียม ที่มีช่วยให้มีสติปัญญา จิตใจร่าเริงแจ่มใสได้ โดยการส่งออกซิเจนไปเลี้ยงที่สมอง
- ลำไยมีธาตุเหล็ก ซึ่งช่วยป้องกันอาการอ่อนเพลียของร่างกาย
- ลำไยมีแร่ธาตุทองแดง ที่มีส่วนช่วยให้ร่างกายมีพลังงาน โดยการช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้อย่างมีประสิทธิภา
- ช่วยให้หลับสบายและช่วยในการเจริญอาหาร
- ช่วยรักษาอาการหวัด ด้วยการนำใบมาชงกับน้ำร้อนดื่ม
- ช่วยรักษาโรคมาลาเลีย ด้วยนำใบสดประมาณ 20 กรัม น้ำ 2 แก้วผสมเหล้าอีก 1 แก้ว นำมาต้มรวมกันให้เดือดจนเหลือน้ำ 1 แก้วแล้วนำมากิน
- ช่วยรักษาแผลเน่าเปื่อย บรรเทาอาการคัน ด้วยนำเมล็ดไปเผาให้เป็นเถ้าแล้วนำมาทา
- ช่วยรักษาอาการท้องร่วง ด้วยการนำเปลือกของต้นที่มีสีน้ำตาลอ่อนใช้ต้มเป็นยา
- ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการนำใบลำไยมาชงกับน้ำร้อนดื่ม
- ใช้เป็นยาแก้โรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับหนอง ด้วยการนำใบสดประมาณ 20 กรัมไปต้มกับน้ำดื่ม
- แก้ปัญหาอาการตกขาว ด้วยการนำรากมาต้มน้ำหรือเคี้ยวให้ค้นผสมกิน
- ช่วยขับพยาธิเส้นด้าย ด้วยการนำรากมาต้มน้ำหรือเคี้ยวให้ค้นผสมกิน
- ช่วยรักษาปัสสาวะขัด ด้วยการนำเมล็ดมาทุบให้แตกแล้วต้มน้ำกิน แต่ต้องลอกเปลือกสีดำออกก่อน
- ดอกลำไยใช้เป็นยาขับปัสสาวะ สลายก้อนนิ่วในไตได้
- แก้อาการวิงเวียนศีรษะอ่อนเพลีย เพิ่มความสดชื่น ด้วยนำเปลือกผลที่แห้งแล้วมาต้มน้ำกิน
- ช่วยรักษาแผลหกล้ม โดนมีดบาก ด้วยการใช้เมล็ดบดเป็นผงแล้วนำมาพอกห้ามเลือด จะช่วยแก้ปวดได้ด้วย แต่ต้องเอาเปลือกสีดำออกก่อน
- ช่วยรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการนำเปลือกผลที่แห้งแล้วมาเผาเป็นเถ้าหรือบดให้เป็นผงแล้วนำมาโรยที่บาดแผล
- ช่วยรักษาแผลมีหนอง สมานแผล ห้ามเลือด แก้ปวด ด้วยการนำเมล็ดมาต้มหรือบดเป็นผงนำมารับประทาน
- ช่วยรักษากลากเกลื้อน ด้วยการใช้เมล็ดชุบน้ำส้มสายชูที่หมักด้วยข้าวแล้วนำมาถู แต่ทั้งนี้ต้องลอกเปลือกสีดำออกก่อน
- ช่วยรักษาแผลเรื้อรังและมีหนอง ด้วยการนำเมล็ดไปเผาเป็นเถ้า แล้วนำมาผสมกับน้ำมะพร้าวทาบริเวณที่เป็น
- เป็นยาบำรุงม้ามเลือดลมหัวใจ บำรุงร่างกาย นอนไม่หลับ อาการอ่อนเพลีย ด้วยนำเนื้อหุ้มเมล็ดมาต้มน้ำกินหรือนำมาแช่กับเหล้า
- ลำไยอบแห้งมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็ง
- ช่วยลดอนุมูลอิสระในเม็ดเลือดขาว
- ลำไยมีสารออกฤทธิ์ที่ช่วยฆ่าเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
- มีสารช่วยลดการเสื่อมสลายจากข้อเข่า
- มีความเป็นไปได้ว่าในอนาคตอาจนำมาใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง เพราะไม่มีผลข้างเคียง จะทำให้ลดขนาดการใช้ยาหรือเคมีบำบัดลงได้มาก
- ลำไยแห้งมีส่วนช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิวได้ดีกว่าการใช้สารเคมี
- ลําไยสามารถนำมาแปรรูปได้หลากหลาย เช่น การบรรจุกระป๋อง ลำไยอบแห้ง น้ำลำไย เป็นต้น
- เนื้อไม้สีแดงของต้นลำไย มักนิยมนำมาใช้เป็นเครื่องประดับได้



จำหน่ายน้ำเก๊กฮวย
ขายส่งน้ำสมุนไพร, น้ำเก๊กฮวย, น้ำมะตูม, น้ำกระเจี๊ยบ, น้ำอัญชัน, น้ำลำใย, ติดต่อ คุณนิว 097-158-8284

น้ำอัญชัน

น้ำอัญชัน มีประโยชน์อย่างไร



สมุนไพรอัญชัน มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า แดงชัน (เชียงใหม่), เอื้องชัน (ภาคเหนือ) เป็นต้น

อัญชัน เป็นพืชที่มีต้นกำเนิดในแถบอเมริกาใต้ ปลูกทั่วไปในเขตร้อน ลักษณะของ ดอกอัญชัน จะมีสีขาว สีฟ้า สีม่วง ส่วนตรงกลางดอกจะมีสีเหลือง และรูปทรงคล้ายหอยเชลล์ มีสรรพคุณที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะมีสารที่ชื่อว่า “แอนโทไซยานิน” (Anthocyanin) ซึ่งมีหน้าที่ไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ดีมากขึ้น เช่น ไปเลี้ยงบริเวณรากผม ซึ่งช่วยทำให้ผมดกดำ เงางาม หรือไปเลี้ยงบริเวณดวงตาจึงช่วยบำรุงสายตาไปด้วยในตัว หรือไปเลี้ยงบริเวณปลายนิ้วมือ ซึ่งก็จะช่วยแก้อาการเหน็บชาได้ด้วย และที่สำคัญสารนี้ยังมีความโดดเด่นที่ใครหลาย ๆคนยังไม่ทราบนั้นก็คือ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดเส้นเลือดอุดตันได้และการ “กินดอกอัญชันทุกวัน…วันละหนึ่งดอก” จะช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดสมองตีบได้อีกด้วย

เนื่องจาก ดอกอัญชัน นั้นมีในการฤทธิ์ละลายลิ่มเลือด สำหรับผู้มีเลือดจางห้ามรับประทาน ดอกอัญชัน เด็ดขาด หรืออาหารเครื่องดื่มที่ย้อมสีด้วยอัญชันก็ไม่ควรรับประทานบ่อย ๆ



สรรพคุณของอัญชัน
- สรรพคุณอัญชันน้ำอัญชันมีส่วนช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย
- เครื่องดื่มน้ำอัญชันช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายและเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย
- มีส่วนช่วยในการชะลอวัยและริ้วรอยแห่งวัย
- ประโยชน์ของดอกอัญชัน มีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง เพิ่มการไหลเวียนเลือด
- ดอกอัญชันมีฤทธิ์ในการละลายลิ่มเลือด
- ช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดสมองตีบ
- ช่วยรักษาอาการผมร่วง (ดอก)
- อัญชันทาคิ้ว ทาหัว ใช้เป็นยาปลูกผม ปลูกขนช่วยให้ดกเดาเงางามยิ่งขึ้น (น้ำคั้นจากดอก)
- ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดเส้นเลือดอุดตัน
- ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจอุดตัน
- ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน
- อัญชันมีคุณสมบัติในการช่วยล้างสารพิษและของเสียออกจากร่างกาย
- ช่วยบำรุงสายตา แก้อาการตาฟาง ตาแฉะ (น้ำคั้นจากดอกสดและใบสด)
- ช่วยป้องกันโรคต้อกระจก ต้อหิน ตามเสื่อมจากโรคเบาหวาน (ดอก)
- ช่วยเพิ่มความสามารถในการมองเห็นให้ดียิ่งขึ้น
- นำรากไปถูกับน้ำฝน นำมาใช้หยอดตาและหู (ราก)
- นำมาถูฟันแก้อาการปวดฟัน และทำให้ฟันแข็งแรง (ราก)
- ใช้เป็นยาระบาย แต่อาจทำให้คลื่นไส้อาเจียนได้ (เมล็ด)
- อัญชันสรรพคุณใช้รากปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ (ราก,ใบ)
- แก้อาการปัสสาวะพิการ
- สรรพคุณอัญชันใช้แก้อาการฟกช้ำ (ดอก)
- ช่วยป้องกันและแก้อาการเหน็บชาตามนิ้วมือนิ้วเท้า
- นำมาทำเป็นเครื่องดื่มน้ำอัญชันเพื่อใช้ดับกระหาย
- ดอกอัญชันตากแห้งสามารถนำมาชงดื่มแทนน้ำชาได้เหมือนกัน
- ดอกอัญชันนำมารับประทานเป็นผักก็ได้ เช่น นำมาจิ้มน้ำพริกสด ๆ หรือนำมาชุบแป้งทอดก็ได้
- น้ำดอกอัญชันนำมาใช้ทำเป็นสีผสมอาหารโดยให้สีม่วง เช่น ขนมดอกอัญชัน ข้าวดอกอัญชัน (ดอก)
- ช่วยปลูกผมทำให้ผมดกดำขึ้น (ดอก)
- ใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อย่าง ครีมนวดผม ยาสระผม เป็นต้น
- ประโยชน์ของอัญชันข้อสุดท้ายคือนิยมนำมาปลูกไว้ตามรั้วบ้านเพื่อความสวยงาม


ขายส่งน้ำสมุนไพร, น้ำเก๊กฮวย, น้ำมะตูม, น้ำกระเจี๊ยบ, น้ำอัญชัน, น้ำลำใย, ติดต่อ นิว 097-158-8284


น้ำกระเจี๊ยบ

น้ำกระเจี๊ยบ มีประโยชน์อย่างไร




สมุนไพรกระเจี๊ยบแดง มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ผักเก็งเค็ง, ส้มเก็งเค็ง, ส้มตะเลงเครง (ตาก), ใบส้มม่า (ระนอง), แกงแคง (เชียงใหม่), ส้มปู (แม่ฮ่องสอน), แบลมีฉี่ (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน), แต่เพะฉ่าเหมาะ (กะเหรี่ยงแดง), ปร่างจำบู้(ปะหล่อง), กระเจี๊ยบ, ส้มเก็ง ส้มพอเหมาะ (ภาคเหนือ), ส้มพอดี (ภาคอีสาน), กระเจี๊ยบแดง, กระเจี๊ยบเปรี้ยว (ภาคกลาง), ส้มพอ ส้มพอเหมาะ เป็นต้น มีถิ่นกำเนิดในประเทศซูดาน อินเดีย มาเลเซีย และประเทศไทย โดยในประเทศไทยมีแหล่งผลิตที่สำคัญ ได้แก่ จังหวัดลพบุรี สระบุรี อุตรดิตถ์ กาญจนบุรี และฉะเชิงเทรา



ลักษณะของกระเจี๊ยบแดง
- ต้นกระเจี๊ยบแดง จัดเป็นไม้พุ่มมีความสูงประมาณ 50-180 เซนติเมตร มีอยู่หลายสายพันธุ์ ลำต้นและกิ่งก้านมีสีม่วงแดง ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ด

- ใบกระเจี๊ยบแดง มีใบเป็นใบเดี่ยว ใบมีหลายลักษณะ ลักษณะคล้ายรูปฝ่ามือ 3 แฉก หรือ 5 แฉก ใบเว้าลึกหรือเรียบ หรือใบเป็นรูปรีแหลม หรือรูปเรียวแหลม ขอบใบมีจักเป็นฟันเลื่อย ใบมีความกว้างและความยาวใกล้เคียงกันประมาณ 8-15 เซนติเมตร และก้านใบมีความยาวประมาณ 5 เซนติเมตร

- ดอกกระเจี๊ยบแดง ดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกดอกตามซอกใบ มีกลีบดองสีชมพูหรือสีเหลือง บริเวณกลางดอกจะมีสีเข้มกว่าคือสีม่วงแดง ดอกมีเกสรตัวผู้เชื่อมกันเป็นหลอด ก้านดอกสั้น มีริ้วประดับเรียวยาวปลายแหลมมี 8-12 กลีบ กลีบเลี้ยงจะแผ่ขยายติดกันออกหุ้มเมล็ดไว้มีสีแดงเข้มและหักง่าย เมือดอกบานเต็มที่จะมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6 เซนติเมตร

- ผลกระเจี๊ยบแดง ลักษณะของผลเป็นรูปรีมีปลายแหลม ผลมีความยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตร ผลอ่อนมีสีเขียว ผลแก่จะแห้งแตกเป็น 5 แฉก ในผลมีเมล็ดสีน้ำตาล ลักษณะคล้ายรูปไตอยู่จำนวนมากประมาณ 30-35 เมล็ดต่อผล และผลยังมีกลีบเลี้ยงหนาสีแดงฉ่ำน้ำหุ้มผลอยู่ เราจะเรียกส่วนนี้ว่ากลีบกระเจี๊ยบหรือกลีบรองดอก (Calyx) หรือที่คนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นดอกกระเจี๊ยบนั่นเอง


สรรพคุณของกระเจี๊ยบแดง
1. กลีบเลี้ยงของดอก หรือกลีบที่เหลือที่ผล ใช้เป็นยาลดไขมันในเส้นเลือด และในการช่วยลดน้ำหนัก โดยมีการทดลองกับกระต่ายที่มีไขมันสูง แล้วพบว่าระดับไครกลีเซอไรด์ คอเลสเตอรอล และระดับไขมันเลว (LDL) ลดลง และมีปริมาณของไขมันชนิดดี (HDL) เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ความรุนแรงของการอุดตันหลอดเลือดแดงใหญ่จากหัวใจก็น้อยลงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับสารสกัดกระเจี๊ยบแดงอีกด้วย (ผล,เมล็ด,น้ำกระเจี๊ยบแดง)
2. สรรพคุณของดอกกระเจี๊ยบแดง ช่วยละลายไขมันในเส้นเลือด (ดอก)
3. เมล็ด ใช้เป็นยาบำรุงธาตุ บำรุงกำลัง (เมล็ด,น้ำกระเจี๊ยบแดง,ยอดและใบ)
4. ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
5. ช่วยรักษาโรคเบาหวาน (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
6. ช่วยลดความดันโลหิต โดยไม่มีผลร้ายแต่อย่างใด โดยมีรายงานการวิจัยทางคลินิกพบว่าในวันที่ 12 หลังผู้ป่วยได้รับชาชงกระเจี๊ยบแดงทุกวัน ค่าความดันโลหิตเมื่อหัวใจบีบตัวและคลายตัวลดลง 11.2% และ 10.7% ตามลำดับเมื่อเทียบกับวันแรก และ 3 วันหลังจากหยุดดื่มชาชงความความดันโลหิตทั้งสองค่าก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
7. สรรพคุณกระเจี๊ยบแดง เมล็ดช่วยบำรุงโลหิต (เมล็ด)
8. ช่วยแก้เส้นเลือดตีบตัน ช่วยรักษาเส้นเลือดให้แข็งแรงและอ่อนนิ่มยืดหยุ่นได้ดี (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
9. น้ำกระเจี๊ยบช่วยทำให้ความเหนียวข้นของเลือดลดลง (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
10.สรรพคุณของดอกกระเจี๊ยบแดง ช่วยรักษาโรคเส้นเลือดแข็งเปราะได้เป็นอย่างดี (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
11.ในอียิปต์มีการใช้ทั้งต้นของกระเจี๊ยบแดงนำมาต้มกินเพื่อเป็นยารักษาโรคหัวใจและโรคประสาท (ทั้งต้น)
12.ช่วยแก้อาการคอแห้ง กระหายน้ำ (น้ำกระเจี๊ยบแดง,ผล)
13.น้ำกระเจี๊ยบ สรรพคุณช่วยแก้อาการร้อนใน (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
14.ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
15.ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยป้องกันหวัด เนื่องจากกระเจี๊ยบแดงมีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งเป็นสารสีแดงในกลุ่มเดียวกับที่พบในผลไม้อย่างบลูเบอร์รี่ แต่กระเจี๊ยบแดงจะมีสารชนิดนี้มากกว่าบลูเบอร์รี่ถึง 50%
16.กระเจี๊ยบแดง สรรพคุณช่วยลดไข้ (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
17.ดอกกระเจี๊ยบแดง สรรพคุณช่วยแก้อาการไอ (น้ำกระเจี๊ยบแดง,ใบ)
18.ใบ ใช้เป็นยากัดเสมหะ ขับเมือกมันในลำคอ ให้ลงสู่ทวารหนัก (ใบ,ดอก)
19.ช่วยรักษาและป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน เนื่องจากมีวิตามินซีในปริมาณที่สูงอยู่พอสมควร (น้ำกระเจี๊ยบ)
20.ช่วยในการย่อยอาหาร ใช้เป็นยาระบาย ช่วยหล่อลื่นลำไส้ ทำให้อุจจาระนิ่มขึ้น (น้ำกระเจี๊ยบ,เมล็ด,ยอดและใบ)
21.ในอียิปต์ มีการใช้ทั้งต้นนำมาต้นกินเป็นยาลดน้ำหนักเนื่องจากเป็นยาระบาย และยังช่วยฆ่าเชื้อในลำไส้ได้อีกด้วย (ทั้งต้น)
22.ช่วยรักษาโรคกระเพาะ และลำไส้อักเสบ ด้วยการใช้ผลแห้งนำมาบดเป็นผง ใช้รับประทานครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วดื่มน้ำตามวันละ 3-4 ครั้ง (ผล)
23.ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร (ผล)
34.ใบกระเจี๊ยบแดง สรรพคุณช่วยแก้โรคพยาธิตัวจี๊ด หรือจะใช้ผลอ่อนนำต้มรับประทานติดต่อกัน 5-8 วัน หรือจะใช้ร่วมกับผสมในตำรับยาร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ หรือจะใช้ทั้งต้นใส่หม้อต้มกับน้ำ 3 ส่วน เคี่ยวไฟจนงวดให้เหลือ 1 ส่วน แล้วผสมกับน้ำผึ้งกึ่งหนึ่ง ใช้รับประทานวันละ 3 เวลา หรือจะรับประทานน้ำยาเปล่า ๆ ก็ได้จนจนหมดน้ำยา (ใบ,ผล,ทั้งต้น)
35.น้ำกระเจี๊ยบมีฤทธิ์ช่วยขับปัสสาวะ เป็นการช่วยลดความดันได้อีกทางหนึ่ง โดยมีรายงานวิจัยทางคลินิกว่า เมื่อให้ผู้ป่วยดื่มผงกระเจี๊ยบขนาด 3 กรัม ชงกับน้ำเดือด 1 ถ้วย ดื่มวันละ 3 ครั้ง นาน 7 วัน พบว่าได้ผลดีในการขับปัสสาวะ (น้ำกระเจี๊ยบแดง,เมล็ด,ยอดและใบ)
36.ช่วยรักษาโรคทางเดินปัสสาวะ นิ่วในไต แก้โรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ ลดอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบมีอาการปวดแสบ โดยใช้กระเจี๊ยบแห้งบดเป็นผงประมาณ 3 กรัม นำมาชงกับน้ำเดือด 1 ถ้วย ใช้ดื่มวันละ 3 ครั้ง ประมาณ 7 วัน หรือจนกว่าจะหาย ซึ่งจากรายงานการวิจับพบว่าผู้ป่วยที่ดื่มน้ำกระเจี๊ยบแดงขนาด 3 กรัม ชงกับน้ำเดือด 1 แก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้ง เป็นระยะเวลา 1 ปี พบว่าผู้ป่วยกว่า 80% มีปัสสาวะที่ใสขึ้นกว่าเดิม และยังพบว่าปัสสาวะมีความกรดมากขึ้น จึงช่วยในการฆ่าเชื้อในทางเดินปัสสาวะได้เป็นอย่างดี (น้ำกระเจี๊ยบแดง,เมล็ด)
37.ช่วยแก้อาการขัดเบา โดยใช้กลีบเลี้ยงของผลหรือกลีบรองดอกสีม่วงแดง นำมาตากแห้งแล้วบดให้เป็นผง นำมาใช้ครั้งละ 1 ช้อนชา (ประมาณ 3 กรัม) ใช้ชงกับน้ำเดือด 1 ถ้วย (ประมาณ 250 มิลลิลิตร) แล้วนำมาเฉพาะน้ำสีแดงใส วันละ 3 ครั้ง ดื่มติดต่อกันทุกวันจนกว่าอาการจะดีขึ้นและหายไป (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
38.ช่วยป้องกันโรคต่อมลูกหมากโต (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
39.ช่วยเพิ่มการหลั่งน้ำดีจากตับ และช่วยป้องกันไม่ให้ตับถูกทำลาย (น้ำกระเจี๊ยบแดง,เมล็ด)
40.สรรพคุณดอกกระเจี๊ยบแดง ช่วยรักษาไตพิการ (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
41.กระเจี๊ยบแดง สรรพคุณทางยาเมล็ดช่วยแก้ดีพิการ (เมล็ด)
42.กระเจี๊ยบแดงมีฤทธิ์ต้านการเกิดพิษต่อตับ และช่วยป้องกันตับจากการถูกทำลายจากสารพิษ โดยมีงานวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่าสารสกัดด้วยน้ำ (Anthocyanins) และสาร Protocatechuic Acid ของกระเจี๊ยบแดง สามารถช่วยลดความเป็นพิษต่อตับจากสารพิษได้หลายชนิด (น้ำกระเจี๊ยบแดง)
43.ใบใช้ตำพอกฝี หรือใช้ต้มน้ำเพื่อใช้ล้างแผลได้ (ใบ)
44.ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของกระเจี๊ยบแดง ช่วยลดอาการบวม ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ยับยั้งเชื้อราอะฟลาท็อกซิน ไวรัสเริม ยับยั้งเนื้องอก ช่วยขับกรดยูริก คล้ายกล้ามเนื้อเรียบ และลดความเจ็บปวด
สารสกัดจากลีบดอกของกระเจี๊ยบแดงมีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนในเพศหญิง จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อสตรีวัยทองไม่มากก็น้อย (กลีบดอก)
45.ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง โดยสารแอนโทไซยานินจากกระเจี๊ยบมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งออกซิเดชั่นของไขมันเลส และยับยั้งกายตายของมาโครฟาจ โดยมีสาร Dp3-Sam ซึ่งเป็นแอนโทไซยานินชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ช่วยกำจัดเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวในห้องทดลองได้ จึงมีผลในการช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งและอาจช่วยชะลอการลุกลามของมะเร็งบางชนิดได้ (น้ำกระเจี๊ยบแดง)


ประโยชน์ของกระเจี๊ยบแดง
- กระเจี๊ยบมีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) และมีสารโพลีฟีนอล ซึ่งได้แก่ Protocatechuic Acid ที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยชะลอความแก่ และช่วยให้เส้นเลือดอ่อนนิ่มได้
- กระเจี๊ยบใช้ทำเป็นน้ำดื่มที่ช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น เนื่องจากมีกรดซิตริกอยู่ด้วยน้ำกระเจี๊ยบแดง
- ใบอ่อนของกระเจี๊ยบใช้รับประทานเป็นผักได้ หรือจะนำมาใช้ทำแก้งส้มก็ได้ ให้รสเปรี้ยวกำลังดี และยังมีวิตามเอสูง (12,583 I.U. ต่อ 100 กรัม) ที่ช่วยบำรุงสายตาอีกด้วย
- กลีบเลี้ยงผลและกลีบดอกอุดมไปด้วยแคลเซียม ที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
- กระเจี๊ยบแดง จัดเป็นพืชส่งออกโดยนำไปใช้เป็นส่วนผสมสำคัญสำหรับ Herbal Tea และใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร ใช้บริโภคภายในประเทศ ใช้ทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้อย่างหลากหลาย เช่น ผลิตภัณฑ์ชาชง กระเจี๊ยบแดงอบแห้ง กระเจี๊ยบแดงแคปซูล เครื่องดื่มต่าง ๆ ใช้ในอุตสาหกรรมสีผสมอาหาร หรือใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร ได้แก่ แยม เยลลี่ เบเกอรี่ ไอศกรีม ไวน์ น้ำหวาน ซอส เป็นต้น รวมไปถึงในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง เช่น โลชั่น ครีมกระเจี๊ยบแดง เจลอาบน้ำ ครีมขัดผิว เป็นต้น
- น้ำต้มของดอกแห้งจะมีกรดผลไม้หรือ AHA อยู่หลายชนิดในปริมาณสูง จึงมีการนำมาผลิตเป็นเครื่องสำอางประเภทครีมหน้าใส
- เมนูดอกกระเจี๊ยบแดง เช่น แกงส้มดอกกระเจี๊ยบ ยำดอกกระเจี๊ยบ แยมดอกกระเจี๊ยบ ดอกกระเจี๊ยบแช่อิ่ม กระเจี๊ยบกวน ชากระเจี๊ยบแดง น้ำกระเจี๊ยบแดง เป็นต้น
- ในแอฟริกาใต้มีการน้ำมันจากเมล็ดเป็นยารักษาแผลให้อูฐ
- นอกจากนี้ลำต้นของกระเจี๊ยบแดงยังสามารถนำมาทำเป็นเชือกปอได้อีกด้วย

จำหน่ายน้ำกระเจี๊ยบ
ขายส่งน้ำสมุนไพร, น้ำเก๊กฮวย, น้ำมะตูม, น้ำกระเจี๊ยบ, น้ำอัญชัน, น้ำลำใย, ติดต่อ นิว 097-158-8284


น้ำมะตูม

น้ำมะตูม มีประโยชน์อย่างไร





สมุนไพรมะตูม มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า มะปิน (ภาคเหนือ), ตูม ตุ่มตัง กะทันตาเถร (ภาคใต้) เป็นต้น


มะตูมเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย เป็นพันธุ์ไม้มงคลประจำจังหวัดชัยนาทและยังถือว่าเป็นพันธุ์ไม้มงคลของศาสนาฮินดูที่นิยมปลูกในบ้านเราอีกด้วย โดยถือเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของพระศิวะ ส่วนบ้านเรานั้นมีความเชื่อว่าใบมะตูมสามารถนำมาใช้ป้องกันภูตผีปีศาจ เสนียดจัญไรได้ และมะตูมยังจัดว่าเป็นทั้งผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพและเป็นยาสมุนไพรที่เรารู้จักมาเนิ่นนาน เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยกินน้ำมะตูมกันมาบ้างแล้วล่ะ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ถึงสรรพคุณของมะตูมหรือประโยชน์ของมะตูม งั้นเรามาดูกันดีกว่าจ้าา…



ประโยชน์ของมะตูม

มะตูม

- ผลสามารถนำมารับประทานได้ทั้งแบบสดและแบบแห้ง
- สามารถนำมาใช้ทำเป็นเครื่องดื่มได้ด้วยการนำผลมะตูมไปผสมกับมะขาม
- เมื่อกรองได้น้ำและนำมาเติมน้ำตาลจะได้เครื่องดื่มที่มีรสชาติคล้ายกับ “มะนาว”
- ใบอ่อนของมะตูมนำมารับประทานเป็นผักสลัดได้
- หรือจะนำใบอ่อนมาใช้กินกับน้ำพริก หรือลาบก็ได้
- ผลแก่แต่เปลือกยังนิ่ม เมื่อนำมาฝานสามารถนำมาทำเป็นมะตูมเชื่อมได้
- มะตูมใช้เป็นส่วนผสมของขนมหลายชนิด
- มะตูมสุก เนื้อเละสามารถนำมารับประทานเป็นผลไม้ได้
- ผลแก่แต่ไม่สุก ใช้รับประทานเป็นยาบำรุงร่างกาย รักษาธาตุ บำรุงธาตุไฟ
- ผลสุกสามารถนำมาใช้เป็นยาระบายได้
- ช่วยรักษาอาการท้องร่วง ท้องเดิน โรคลำไส้
- ใช้รักษาอาการท้องผูกเรื้อรังได้
- ใบสดนำมาคั้นเอาน้ำ ใช้แก้หวัด
- เปลือกรากและลำต้น จะช่วยแก้อาการไข้จับสั่น
- แก้ลม แก้มูกเลือด
- ช่วยรักษาอาการหลอดลมอักเสบ



ขายส่งน้ำสมุนไพร, น้ำเก๊กฮวย, น้ำมะตูม, น้ำกระเจี๊ยบ, น้ำอัญชัน, น้ำลำใย, ติดต่อ นิว 097-158-8284


วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

น้ำเก๊กฮวย

น้ำเก๊กฮวย มีประโยชน์อย่างไร





ตามมาดูเลยค่ะ >>>>>>>>
                เก๊กฮวย เป็นพืชดั้งเดิมของประเทศจีนและญี่ปุ่น แต่ภายหลังได้แพร่กระจายไปทั่วในประเทศกัมพูชา ลาว รวมถึงบ้านเราด้วย ซึ่งจะเพาะปลูกได้ดีในพื้นที่สูงของประเทศ โดยมีการจำหน่ายเป็นดอกสด สำหรับดอกเก๊กฮวยที่นำมาใช้ควรเป็นดอกสีขาวหรือดอกสีเหลือง และไม่ใช่สายพันธุ์ที่เก็บมาจากในป่าเพราะอาจเป็นคนละชนิดกัน

ดอกเก๊กฮวย มีสารพวกฟลาโวนอยด์ (Flavonoid), สารไครแซนทีมิน (Chrysanthemin), สารอดีนีน (Adenine), สตาไคดวีน (Stachydrine), โคลีน (Choline) กรดอะมิโน และน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยรักษาและป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ช่วยขยายหลอดเลือด ลดการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว !




ประโยชน์ของเก๊กฮวย
- เก๊กฮวยประโยชน์ของน้ำเก๊กฮวย ช่วยดับกระหาย เพิ่มความสดชื่น
- ช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย
- เก๊กฮวย สรรพคุณทางยาช่วยขับเหงื่อ
- จากงานวิจัยพบว่าสารสกัดจากดอกเก๊กฮวยมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งเชื้อไวรัสเอดส์ได้
- ช่วยดูดซับสารก่อมะเร็งและจุลินทรีย์ชนิดต่าง ๆ
- ช่วยยายหลอดเลือดแดงใหญ่ที่ไปเลี้ยงหัวใจ ช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดต่าง ๆ
- ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ภาวะหัวใจล้มเหลว
- ช่วยป้องกันการเกิดโรคความดันโลหิตสูง
- ช่วยป้องกันการเกิดโรคเส้นเลือดตีบ
- ประโยชน์ของเก๊กฮวย ช่วยบำรุงโลหิต
- ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต
- ช่วยบำรุงและรักษาสายตา (เก๊กฮวยดอกเหลือง)
- ช่วยแก้อาการตาบวมแดง ปวดตา มองเห็นไม่ชัด ตาเบลอ ตามัว
- แก้อาการตาอักเสบ ด้วยการใช้ดอกสดตำแล้วนำมาประคบภายนอกดวงตา
- ช่วยแก้อาการปวดศีรษะเนื่องจากการกำเริบของหยางในตับ
- ช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด ตาลาย (เก๊กฮวยดอกเหลือง)
- ดอกเก๊กฮวยสรรพคุณเก๊กฮวย ช่วยแก้ไข้ (เก๊กฮวยดอกเหลือง)
- เก๊กฮวย สรรพคุณช่วยแก้อาการหวัด
- เก๊กฮวยดอกขาวหากใช้ร่วมกับ สะระแหน่ ใบไผ่ขม จะช่วยแก้อาการไอได้
- เก๊กฮวยแก้ร้อนใน มีฤทธิ์เป็นยาเย็น ช่วยดับพิษร้อน
- ช่วยระบายและย่อยอาหาร
- สรรพคุณของเก๊กฮวย ช่วยขับลม
- เก๊กฮวยดอกขาวหากใช้ร่วมกับ สะระแหน่ ใบไผ่ขม จะช่วยบำรุงปอด
- ประโยชน์เก๊กฮวยช่วยบำรุงตับ ไต (เก๊กฮวยดอกเหลือง)
- ใช้รักษาฝีเป็นหนอง บวมและเป็นพิษ ด้วยการใช้ดอกสดนำมาบดผสมน้ำแล้วดื่ม และนำกากที่เหลือมาพอกบริเวณที่เป็น
- เก๊กฮวย ประโยชน์ช่วยรักษาผมร่วง ทำให้ผมไม่เปลี่ยนเป็นสีเทา

จำหน่ายน้ำเก๊กฮวย
ขายส่งน้ำสมุนไพร, น้ำเก๊กฮวย, น้ำมะตูม, น้ำกระเจี๊ยบ, น้ำอัญชัน, น้ำลำใย, ติดต่อ นิว 097-158-8284